ประวัติศาสตร์การจัดฟัน 4000 ปี เกิดอะไรขึ้นบ้าง!

ทุกคนคงทราบกันดีว่าการจัดฟันในปัจจุบันนี้ มีมากมายหลากหลายแบบให้คุณได้เลือก แต่กว่าจะมาเป็นทันตกรรมจัดฟันให้ทุกคนได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพดั่งในปัจจุบันนี้ได้นั้น มนุษย์เราเนี่ยมีความพยายามเป็นอย่างมากที่จะจัดฟัน จึงนำไปสู่ประวัติศาสตร์ที่มีวิวัฒนาการการจัดฟันอย่างยาวนานมากกว่า 4,000 ปีด้วยกันตามรายงานของ The American Journal of Orthodontics and Dentofacial Orthopedics นักโบราณคดีได้พบว่า ชนชาติอียิปต์ เป็นชนชาติแรกที่มีการจัดระเบียบฟัน เนื่องจากค้นพบหลักฐานสำคัญซึ่งเป็น “มัมมี่ที่มีเหล็กไปพันอยู่ที่ฟัน” โดยแบ่งมัมมี่ที่มีการจัดระเบียบฟันเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน การเติมช่องว่างของฟันที่หลุดหายไปด้วยฟันอีกหนึ่งซีก แล้วนำลวดที่ทำจากทองหรือเงินมาขึงไว้เหมือนกับเป็น สะพานฟัน หรือ Dental Bridge ในปัจจุบันการดามฟันด้วยแท่งเหล็กและเอาเส้นหนังจากลำไส้ของสัตว์พันไว้เพื่อให้ฟันอยู่ในรูปแบบที่ต้องการ โดยนักวิชาการสันนิษฐานว่าเป็นการทำกับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อให้ผู้นั้นกลับมาเกิดใหม่ในร่างเดิมที่สมบูรณ์และสวยงามขึ้นกว่าเดิมตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ ชนชาติอีทรัสคัน (Etruscan) ในยุคก่อนการก่อตั้งกรุงโรม ที่มีการจัดระเบียบฟันโดยใช้สิ่งที่เรียกว่า Mouthguard ทำขึ้นจากทองและนำมาครอบฟันของผู้หญิงหลังจากเสียชีวิตเพื่อให้โครงหน้าไม่เปลี่ยนไป จะเห็นได้ว่าในยุคแรกเริ่มนั้นล้วนเป็นการจัดฟันเพื่อผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ชนชาติแรกที่ริเริ่มการจัดฟัน ดังนั้น ชนชาติแรกที่มีการจัดฟันในคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อความสวยงามนั้นก็คือ อารยธรรมโรมัน โดยนำเส้นลวดเล็กๆ ที่ทำจากทองเรียกว่า Ligature Wire มาพันกับฟันเพื่อให้ฟันค่อย ๆ เคลื่อนที่ตามต้องการ ซึ่งเป็นร่องรอยสุดท้ายของประวัติศาสตร์การจัดฟันก่อนที่จะเลือนหายไปเป็นเวลานาน ดำเนินต่อไปอย่างไร? จนการแพทย์สมัยใหม่ในช่วง ศตวรรษที่ 18 เริ่มเฟื่องฟูในโลกตะวันตก มนุษย์เริ่มมีการศึกษาการแพทย์กันอย่างจริงจัง และได้ถือกำเนิดบิดาแห่งทันตกรรมสมัยใหม่ …

ทุกคนคงทราบกันดีว่าการจัดฟันในปัจจุบันนี้ มีมากมายหลากหลายแบบให้คุณได้เลือก แต่กว่าจะมาเป็นทันตกรรมจัดฟันให้ทุกคนได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพดั่งในปัจจุบันนี้ได้นั้น มนุษย์เราเนี่ยมีความพยายามเป็นอย่างมากที่จะจัดฟัน จึงนำไปสู่ประวัติศาสตร์ที่มีวิวัฒนาการการจัดฟันอย่างยาวนานมากกว่า 4,000 ปีด้วยกัน

ตามรายงานของ The American Journal of Orthodontics and Dentofacial Orthopedics นักโบราณคดีได้พบว่า ชนชาติอียิปต์ เป็นชนชาติแรกที่มีการจัดระเบียบฟัน เนื่องจากค้นพบหลักฐานสำคัญซึ่งเป็น “มัมมี่ที่มีเหล็กไปพันอยู่ที่ฟัน” โดยแบ่งมัมมี่ที่มีการจัดระเบียบฟันเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน

  1.  การเติมช่องว่างของฟันที่หลุดหายไปด้วยฟันอีกหนึ่งซีก แล้วนำลวดที่ทำจากทองหรือเงินมาขึงไว้เหมือนกับเป็น สะพานฟัน หรือ Dental Bridge ในปัจจุบัน
  2. การดามฟันด้วยแท่งเหล็กและเอาเส้นหนังจากลำไส้ของสัตว์พันไว้เพื่อให้ฟันอยู่ในรูปแบบที่ต้องการ โดยนักวิชาการสันนิษฐานว่าเป็นการทำกับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อให้ผู้นั้นกลับมาเกิดใหม่ในร่างเดิมที่สมบูรณ์และสวยงามขึ้นกว่าเดิมตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ
ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ ชนชาติอีทรัสคัน (Etruscan) ในยุคก่อนการก่อตั้งกรุงโรม ที่มีการจัดระเบียบฟันโดยใช้สิ่งที่เรียกว่า Mouthguard ทำขึ้นจากทองและนำมาครอบฟันของผู้หญิงหลังจากเสียชีวิตเพื่อให้โครงหน้าไม่เปลี่ยนไป จะเห็นได้ว่าในยุคแรกเริ่มนั้นล้วนเป็นการจัดฟันเพื่อผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว

ชนชาติแรกที่ริเริ่มการจัดฟัน

ดังนั้น ชนชาติแรกที่มีการจัดฟันในคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อความสวยงามนั้นก็คือ อารยธรรมโรมัน โดยนำเส้นลวดเล็กๆ ที่ทำจากทองเรียกว่า Ligature Wire มาพันกับฟันเพื่อให้ฟันค่อย ๆ เคลื่อนที่ตามต้องการ ซึ่งเป็นร่องรอยสุดท้ายของประวัติศาสตร์การจัดฟันก่อนที่จะเลือนหายไปเป็นเวลานาน

ดำเนินต่อไปอย่างไร?

จนการแพทย์สมัยใหม่ในช่วง ศตวรรษที่ 18 เริ่มเฟื่องฟูในโลกตะวันตก มนุษย์เริ่มมีการศึกษาการแพทย์กันอย่างจริงจัง และได้ถือกำเนิดบิดาแห่งทันตกรรมสมัยใหม่ “Pierre Fauchard” ทันตแพทย์ศัลยกรรมชาวฝรั่งเศส (Chirurgien Dentiste) ที่มีผลงานเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ได้แก่ หนังสือ “The Surgeon Dentist” และอุปกรณ์จัดฟันเหล็กชิ้นแรกที่มีรูปร่างเหมือนเกือกม้าว่า “Bandeau” ซึ่งเป็นเคล็ดลับความงามของราชินีแห่งฝรั่งเศส “Marie Antoinette”

ในศตวรรษที่ 19 ทันตแพทย์ผู้หนึ่งได้ประดิษฐ์ Crib Wire อุปกรณ์ที่ทำจากลวดลักษณะครึ่งวงกลมที่วางไว้บนฟันโดยตรงเพื่อจัดฟันให้ตรง ทำให้การจัดฟันเป็นที่สนใจอย่างมากจนศาสตร์ของ ทันตกรรมจัดฟัน (Orthodontics) ได้ถูกแยกออกจาก ทันตกรรมทั่วไป (Dentistry) และได้เริ่มมีการใช้ยางร่วมกับจัดฟันขึ้นในปี ค.ศ.1843

ถึงศตวรรษที่ 20 ได้มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดในหลายๆสิ่ง ได้แก่ อุปกรณ์จัดฟันเพื่อติดกับฟันคนไข้ที่ได้รับการพัฒนาจนกลายมาเป็น Bracket ที่เราใช้ในการจัดฟันแบบทุกวันนี้ โดยวัสดุก็เปลี่ยนจากทองและเงินมาใช้เป็นสแตนเลสสตีลเพื่อให้ทุกคนสามารถเอื้อมถึงการจัดฟันได้มากขึ้น รวมไปถึงกาวชนิดพิเศษที่พัฒนาขึ้นสำหรับการจัดฟันโดยเฉพาะที่ชื่อว่า Bracket Adhesive และเริ่มมีวิธีจัดฟันด้านในที่เรียกว่า Lingual Brace กำเนิดขึ้นจากตรงนี้ และยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้น

การจัดฟันแบบใส Invisalign

เนื่องใน ปี ค.ศ.1997 เกิดนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในวงการจัดฟัน ซึ่งนั่นก็คือ “การจัดฟันแบบใส Invisalign” จากบริษัท Align Technology ผู้นำเทคโนโลยีการจัดฟันแบบใสรายแรกของโลก ที่ได้แนวคิดจากรีเทนเนอร์ที่ไว้คงรูปฟันหลังจัดฟันเสร็จและทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนไข้สามารถสวมใส่ได้สบายและพอดีกับรูปฟัน ให้การเคลื่อนฟันที่นุ่มนวลแต่มีประสิทธิภาพสูงด้วยวัสดุคุณภาพดี ในระยะเวลาการรักษาที่สั้นลงเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบเหล็ก จนกลายมาเป็นอุปกรณ์จัดฟันแบบใสที่เราเห็นและใช้กันในปัจจุบัน ทำให้ทันตแพทย์ทั่วโลกต่างไว้วางใจที่จะใช้อุปกรณ์ชนิดนี้เพื่อรักษาคนไข้ที่มีปัญหาฟันตั้งซับซ้อนน้อยไปถึงมาก

แนวโน้มในอนาคตของการจัดฟัน

คาดว่าจะช่วยเพิ่มความเร็วของการรักษาและความสบายต่อไป โดยนำ AI การพิมพ์ 3 มิติหรือหุ่นยนต์ เข้ามาเพิ่มความก้าวหน้าและประสิทธิภาพให้ทันตกรรมดิจิทัลในการวินิจฉัย วางแผนการรักษาส่วนบุคคล และปรับปรุงการมีส่วนร่วมและการให้ความรู้ของผู้ป่วย ในส่วนของอุปกรณ์จัดฟันแบบใสผู้เชี่ยวชาญก็ตั้งทฤษฎีว่าตัวอุปกรณ์จะสามารถบางลงและสะดวกสบายมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โลกแห่งการจัดฟันมาไกลแล้วอย่างแน่นอน และจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกเพื่อรอยยิ้มของทุกคน!

ทพ. ณพงษ์ พัวพรพงษ์
ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน

Book a Consultation

It’s easy and free!
Please select a form

Dental Wise Clinic

Dental Wise Clinic

Related Posts